จะทำอย่างไร เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน

18 พฤศจิกายน 2561   1117

เมื่อคุณเป็นคนขับ แล้วเกิดเหตการณ์ไม่ว่ารถหรือด้วยกันหรือคน สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ห้ามหนีเป็นอันขาด เพราะความผิดฐานขับรถประมาทไม่ใช่เรื่องเจตนา ผู้กระทำผิดไม่ใช่อาชญากร ควรอยู่เพื่อต่อสู้กับความจริง ไม่งั้นต้องหลบหนีคดีอยู่ 15 ปี ถ้าขับรถชนคนตาย แล้วคุณมอบตัวสู้คดี บางทีศาลอาจปราณีลดโทษให้ส่วนหนึ่ง

หน้าที่ของคนขับรถเมื่อเกิดรถชนกันนั้น ตามที่กฎหมายระบุไว้มีดังนี้

  1. ต้องหยุดรถและช่วยเหลือตามสมควร ตัวอย่าง ขับรถชนคนก็ต้องหยุดรถ ช่วยเหลือคนที่ถูกชน นำส่งโรงพยาบาลเท่าที่ทำได้
  2. ต้องไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้เคียงทันที ต้องบอกตำรวจด้วยว่าเราเป็นคนขับรถอะไร แจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ หมายเลขทะเบียนรถ แก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย
  3. ถ้าผู้ขับขี่หลบหนีหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ กฎหมายให้สันนิฐานว่าเป็นผู้กระทำผิด และตำรวจมีสิทธิอำนาจยึดรถที่ขับไว้จนกว่าจะได้ตัวผู้ขับขี่หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ถ้าคนขับคนใดไม่ปฏิบัติตามข้อ (1), (2) และ (3)ที่กล่าวมา ระวังจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ถ้าคนที่ถูกชนบาดเจ็บสาหัสหรือตาย ต้องจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท

ถ้ารถของคุณมีประกัน ท่านตัองรีบติดต่อกับบริษัทประกันของท่านทันที เพราะบริษัทประกันเขาจะมีเจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุ พร้อมทำแผนที่เกิดเหตุไว้พร้อมมูลเพื่อเอาไว้ต่อสู้คดี

ถ้ามีกล้องถ่ายรูป หรือหากล้องถ่ายรูปใกล้ที่เกิดเหตุได้ต้องรีบถ่ายรูปรถ และที่เกิดเหตุไว้ให้พร้อม เพื่อจะได้เก็บไว้เป็นหลักฐานการต่อสู้คดีต่อไป หากมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้งหรือมูลนิธิร่วมกตัญญูถ่ายภาพศพหรือ ที่เกิดเหตุไว้ ก็ให้ติดต่อขอภาพที่ถ่ายเก็บไว้ให้ได้ เพราะจะเป็นประโยชน์แก่รูปคดีในภายหลัง

ควรช่วยเหลือคนเจ็บหรือค่าทำศพของผู้เสียชีวิต เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ คนขับรถ มักไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของการช่วยเหลือ ความจริงเมื่อเราขับรถชนคนตาย บาดเจ็บ หรือการขับรถโดยประมาทนั้น เรามีความผิดทั้งทางกฎหมายแพ่ง และอาญา

  • ทางอาญา เราอาจจะต้องรับโทษติดคุก
  • ทางแพ่ง เราจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย ค่าบาดเจ็บ ค่าทำศพให้กับเขา คือติดคุกแล้วยังจะต้องเสียเงินให้กับฝ่ายคนเจ็บ คนตายเขาอีก ทีนี้ถ้าหากเราช่วยเหลือคนเจ็บ หรือใช้ค่าทำศพคนตายแล้ว มีผลดียังไง ตอบได้ว่า มีผลดีมาก ยกตัวอย่างเช่น เราขับรถชนคนบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ต่อมาอัยการฟ้องเราต่อศาล เราก็แถลงต่อศาลว่า เราช่วยเหลือคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วนมาก ศาลจะเห็นว่า เราเป็นคนดีมีน้ำใจ ศาลก็อาจจะรออาญาให้เราโดยไม่จำคุกเรา แต่ถ้าเราชนแล้วหนี ส่วนมาก ศาลมักจะจำคุกเราเลย เพราะเห็นว่าเราเป็นคนแล้งน้ำใจ

การตกลงใช้ค่าเสียหายให้แก่คนเจ็บก็มีประโยชน์มากเช่น ถ้าเราไม่พยายามตกลงใช้ค่าเสียหายให้กับคนเจ็บ ตำรวจเขาจะมีระเบียบไว้ว่า ไม่ให้คืนรถของกลางให้แก่ผู้ต้องหา จนกว่า ผู้ต้องหา จะพยายาม ตกลงกับฝ่ายผู้เสียหาย และถ้าหาก เราชดใช้ค่าเสียหาย จ่ายค่าทำศพให้เขา คดีแพ่งก็ระงับ เพราะถือว่า ยอมความคดีแพ่งกันแล้ว จะฟ้องเรียกค่าเสียหายเราในทางแพ่งไม่ได้อีกแล้ว และถ้าเราถูกฟ้อง คดีอาญาต่อศาล ผู้เสียหาย จะมาแถลงต่อศาลว่า เราได้ชดใช้ค่าเสียหายให้เขาแล้ว ส่วนมากแล้ว ศาลจะปรานีจำเลย โดยตัดสินให้รออาญาแก่จำเลย เห็นหรือยังว่า การช่วยเหลือคนเจ็บ และการมีน้ำใจ

ถ้าเราเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ควรเข้าช่วยเหลือคนเจ็บตามสมควร และเราจะต้องแสดงตัวเป็นพลเมืองดี โดยยินดีที่จะเป็นพยานในคดีให้ สมมุติว่าเราเห็นรถคันหนึ่งชนคนแล้วหนี สิ่งที่เราควรช่วยหลือจับกุมคนที่ทำผิดได้ก็คือพยายามจดทะเบียนรถ ชื่อยี่ห้อ สีรถที่ชนไว้ได้แล้วรีบแจ้งให้ตำรวจทราบเพื่อติดตามจับกุม

ถ้าท่านเป็นคนเจ็บเพราะรถชนหรือคู่กรณี
สิ่งแรกคือท่านจะต้องขอร้องให้คนอื่น หรือตำรวจนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดเพื่อช่วยชีวิตไว้ก่อน ส่วนเรื่องคดีนั้นเอาไว้พิจารณาภายหลัง แต่ถ้าเจ็บเล็กน้อยพอยอมความได้ก็ยอมเสีย เพื่อมิให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ แต่จะต้องพยายามขอชื่อหรือจำทะเบียนรถคันที่ชนเราไว้ให้ได้ เพราะถ้าหากผู้ขับขี่เบี้ยวเราภายหลังเราจะได้จัดการเรียกค่าเสียหายได้ตาม กฎหมาย มิฉะนั้นแล้วจะไม่รู้ว่าจะไปฟ้องร้องเขาจากใคร ที่ไหน

เมื่อรู้วิธีกันก็เอาไปทำตามกันดูนะครับเพื่อประโยชน์แก่ตัวทางเอง ทางที่ดีควรอย่าขับรถด้วยความประมาทเลยครับ และปฏิบัติตามกฏจราจรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นนะครับ จะได้ไม่ต้อง เสียเวลา เสียเงินหรือสูญเสียคนสำคัญไป