อย่าลืมล้างรถหน้าฝน ระวังสีรถจะพัง

18 พฤศจิกายน 2561   781

สำหรับผู้ขับขี่ ที่คิดว่าหน้าฝนล้างรถ เสียดายตังค์ เสียเวลา เพราะเดี๋ยวฝนตกก็เลอะเทอะ เปรอะเปื้อนอีกอยู่ดี เลยตัดสินใจขับกันไปแบบไม่ล้าง ปล่อยให้รถเลอะเขรอะเป็นคราบ ประหนึ่งประดับด้วยศิลปะขี้โคลนยังไงยังงั้น แต่รู้หรือไม่ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิด ซึ่งมันจะส่งผลกระทบทำร้ายความเงางามของสีรถคุณได้อย่างร้ายกาจเลยทีเดียว

เมื่อเราขับมันไปลุยน้ำ ลุยฝน จนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนมาทั้งคัน และน้ำฝนในกรุงเทพฯ มลพิษแยะ น้ำฝนก็ย่อมมีฤทธิ์เป็นกรด กัดกร่อนสีรถของเราให้หม่นหมอง ไม่เงางาม ดังนั้นสิ่งที่เราควรกระทำก็คือการล้างทำความสะอาดรถให้เงางาม

ถ้าคุณเหนื่อยขี้เกียจล้างทุกวัน เราขอแนะนำว่าหากคุณไม่มีเวลาล้างแบบเต็มขั้น ก็แค่ใช้สายยางฉีดไล่คราบน้ำฝน คราบสกปรก และหาผ้าสะอาดๆ เช็ดให้หมดจดก็ช่วยรักษาสภาพรถได้อย่างง่ายๆ อีกวิธีหนึ่งเช่นกัน แต่หากคุณอยากให้สีรถสวยเงางามอยู่เสมอ การดูแลแบบครบขั้นตอน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

วิธีดูแลสีรถอย่างถูกวิธีในช่วงหน้าฝน

  1. หมั่นล้างรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังลุยฝนเป็นการลดการเกิดคราบฝังแน่น แต่หากไม่มีเวลามากนัก แนะนำให้ใช้สายยางฉีดไล่ฝุ่น โคลน และคราบน้ำฝนออกไป และใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง
  2. เมื่อขับรถลุยฝนมา อย่าจอดรถตากแดด เพราะจะเป็นการทำร้ายสีรถซ้ำหนักเข้าไปอีก ด้วยแสดงแดดจะทำให้คราบน้ำฝนแห้ง เป็นคราบฝังตัวแน่น และอาจกัดลงลึกถึงเนื้อสีได้
  3. ไม่ควรนำผ้าแห้งมาเช็ดรถในทันทีหลังลุยฝนมา เพราะเป็นสาเหตุก่อให้เกิดรอยได้ ด้วยขณะที่เราขับรถลุยฝนนั้น จะมีฝุ่น ทราย โคลน เกาะที่ผิวรถ ดังนั้นควรฉีกล้างออกก่อนจะเป็นการดีที่สุด
  4. ไม่ควรล้างรถเองในช่วงเย็นๆ ค่ำๆ เพราะบางครั้งน้ำที่ตกค้างอยู่ตามซอกซึ่งเราอาจทำความสะอาดไม่ทั่วถึง อาจเป็นสาเหตุทำให้รถเป็นสนิมได้
  5. ไม่ควรจอดรถใต้ร่มไม้ที่มียางเกสร ดอก หรือผล เพราะในฤดูฝน มักมีลมกรรโชกแรง นอกจากต้นไม้จะหักหรือล้มมาโดนรถเราได้แล้ว สิ่งดังกล่าวอาจจะปลิวมาติดรถ และทำให้สีรถเสียหาย เกิดรอยด่างได้
  6. แนะนำให้เคลือบสีรถหากมีเวลา การเคลือบสีรถนอกจากจะนำให้รถเงางามแล้ว ยังช่วยป้องกันคราบน้ำฝน หากเคลือบสีบ่อยๆ น้ำจะไม่เกาะที่ตัวรถ จึงช่วยลดการเกิดคราบ ทำให้ล้างรถได้ง่ายขึ้น

ถึงมันจะเหนื่อยที่หน่อยแต่ถ้าคุณรักรถที่คุณใช้ผมก็ว่ามันคุ้มค่ากว่าให้รถที่เรารักมีสภาพที่ดูดี