สีรถยนต์ 2K

17 พฤศจิกายน 2561   2196

อู่รถที่จะใช้งานระบบสี 2K ควรจะเป็นอู่ที่มีมาตรฐาน และมีอุปกรณ์ในการทำงานที่ทันสมัยเหมาะที่จะใช้สี 2K เช่น ห้องพ่นสี ระบบถังปั้มลม กาพ่นสี รวมถึงช่างสีที่มีประสบการณ์ พร้อมทั้งเคยได้รับคำแนะนำและการอบรมจากบริษัทผู้ผลิต

สี 2K มีส่วนประกอบที่สำคัญอยู่ 2 ส่วน คือ

  1. ส่วนที่เป็นเนื้อสี จะเกิดมาจากส่วนผสมหลัก 4 ส่วน ซึ่งรวมกันเป็นเนื้อเดียวและอยู่ในกระป๋องเดียวกันแล้ว คือ
    • กาวหรือเรซิ่น (RESIN) หรืออาจเรียกว่า BINDER หรือ FILM FORMER ทำหน้าที่เป็นตัวยึดเกาะของส่วนประกอบอื่นๆ ของสี เมื่อสีแห้งแล้ว เรซิ่นจะเกาะตัวเข้าด้วยกันเกิดเป็นเนื้อฟิล์มขึ้น ซึ่งเรซิ่นที่ใช้ในสีประเภทนี้คือ โพลียูรีเทน ที่มีคุณสมบัติเด่นหลายอย่าง เช่น ความเงา ความแข็ง การยึดเกาะ การทนต่อสารเคมี ทนต่อความชื้น เป็นต้น
    • ผงสี (PIGMENT) เป็นสารที่ทำหน้าที่ในการปกปิดพื้นผิว และทำให้เกิดสีสันต่างๆ เช่นดำ แดง เหลือง เขียว หรืออาจใช้กันสนิมได้อีกด้วย แต่ในกรณีที่เป็นเคลียร์ที่ใช้เคลือบเงา จะไม่มีผงสีผสมอยู่
    • ตัวทำละลาย (SOLVENT) ทำหน้าที่ในการช่วยให้ผงสีและเรซิ่น กระจายตัวเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งยังทำหน้าที่ในการเจือจางหรือปรับความข้นเหลวของสีให้เหมาะสมสำหรับการใช้งาน ด้วย
    • สารปรับแต่ง (ADDITIVE) เป็นส่วนประกอบที่หน้าที่เพิ่มคุณสมบัติหรือลดข้อด้อยบางอย่างของสี เช่น ช่วยให้ฟิล์มเรียบขึ้น ช่วยป้องกันแสงอุลตร้าไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ ช่วยป้องกันการแยกตัวของผงสีและเรซิ่น ป้องกันการตกตะกอน เป็นต้น
  2. ส่วนที่เป็นตัวเร่งที่ทำให้สีแข็งตัว (Hardener หรือ Activator) ส่วนนี้จะแยกออกจากส่วนแรกโดยเด็ดขาด เมื่อจะนำสีไปใช้งานจึงค่อยผสมส่วนนี้ลงไป และน้ำยานี้ก็เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากถ้าไม่ใส่น้ำยานี้เข้าไปในสีและนำสีไปใช้ สีจะไม่แห้งแข็งเป็นฟิล์ม ซึ่งน้ำยานี้ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของไอโซไซยาเนท (Isocyanate)

สี 2K ที่ดีเป็นอย่างไร ?
จากที่ทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า สี 2K นั้น มีคุณภาพดีกว่าสี 1K อย่างเทียบกันไม่ติดในหลายๆด้าน จึงเป็นผลให้อู่ซ่อมสีชั้นนำในปัจจุบันนี้ หันมาใช้สี 2K กันแทบทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตาม สี 2K ในท้องตลาดเองก็มีหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพย่อมแตกต่างกันออกไป เราจึงควรทราบว่าสี 2K ที่ดีนั้น แตกต่างจากสี 2K ทั่วๆไปอย่างไร

  1. วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต (Raw Materials)
    จากที่ทราบแล้วว่า สี 2K มีส่วนประกอบหลักหลายส่วนด้วยกัน ซึ่งในกระบวนการผลิตสี 2K ให้มีคุณภาพดีนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง เช่นการเลือกใช้เรซิ่นที่มีคุณภาพดี ส่งผลให้สี 2K นั้นๆ มีคุณสมบัติในมีความแข็งแรงของชั้นฟิล์มสีที่ดีมาก การยึดเกาะที่ดี ไม่หลุดล่อนง่าย มีความเงางามสูง และทนต่อสารเคมีต่างๆได้ดีเป็นพิเศษ ส่วนการเลือกใช้ผงสีที่มีคุณภาพดี สำหรับสีทับหน้า ก็จะทำให้สี 2K นั้นๆ มีสีสันที่สดสวย สีมีความคงทน ไม่ว่าจะเป็นสีเมทัลลิค (สีที่มีส่วนผสมของบรอนซ์ ซึ่งจะทำให้เกิดการเป็นประกายเมื่อกระทบแสง) หรือสีมุก (สีที่มีส่วนผสมของมุก ซึ่งทำให้เกิดการมองเห็นสีที่เหลือบตามมุมมอง) หรือถ้าเป็นสีรองพื้น การเลือกผงสีที่มีคุณสมบัติในการป้องกันสนิมที่ดี ก็จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดสนิมขึ้นในภายหลังอย่างแน่นอน ส่วนสารปรับแต่งก็เป็นอีกตัวหนึ่ง ที่จะช่วยทำให้คุณสมบัติของสีดีขึ้น ถึงแม้ว่าโดยทั่วๆไป สารปรับแต่งจะมีราคาสูงมากก็ตาม การเลือกเติมสารปรับแต่งบางตัวลงไป เช่น Anti-UV จะช่วยปกป้องฟิล์มสีจากรังสียูวีของดวงอาทิตย์ ทำให้สีมีความเงางามและสีสันที่สดสวย ไม่ซีดไม่จางง่ายตลอดอายุการใช้งาน
  2. กระบวนการผลิต (Process)
    นอกจากการเลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มีคุณภาพดีแล้ว กระบวนการผลิตก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่ส่งผลต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตที่ดีนั้น จะหมายถึงการใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัย ผู้ปฏิบัติงานที่มีทักษะสูง รวมถึงระบบการควบคุมคุณภาพที่ดี เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี และมีความคงที่ของผลิตภัณฑ์

ประโยชน์/จุดเด่นของสีระบบ 2K สีรองพื้นระบบ 2K (PRIMER/SURFACER)

    ให้การยึดเกาะที่ดีเยี่ยม สีจึงติดแน่นกับตัวถังรถและสีที่ทับหน้า ไม่เกิดปัญหาสีพองหรือล่อนได้ง่าย ให้การกลบรอยที่ดี จึงลดปัญหาเรื่องรอยเส้นกระดาษทราย รวมทั้งรอยตำหนิต่างๆ ของพื้นผิว ให้การปกปิดพื้นผิวที่ดี จึงช่วยลดจำนวนการพ่นให้น้อยเที่ยวลง ให้ความหนาแน่นของฟิล์มสูง ทำให้มีการดูดซึมน้อยจึงลดปัญหาเรื่องสีซึม รวมทั้งยังช่วยป้องกัน การแทรกซึมของน้ำได้ดี จึงช่วยป้องกันสนิมไปในตัว มีปริมาณสารระเหยต่ำ ลดปริมาณสารระเหยที่จะทำลายสภาพแวดล้อมของโลก

สีทับหน้า / เคลียร์ระบบ 2K (TOPCOAT / CLEAR COAT)

  • ให้ความทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ดี จึงมีอายุการใช้งานยาวนาน
  • ทนต่อรังสียูวีจากแสงแดด จึงไม่เกิดปัญหาฟิล์มสีเสื่อมสภาพได้ง่าย
  • ให้การยึดเกาะดี จึงไม่เกิดปัญหาเรื่องฟิล์มสีพองหรือหลุดล่อน
  • มีความเงางามสูงและคงสภาพได้นาน จึงดูใหม่อยู่เสมอ
  • ทนสารเคมีและตัวทำลายได้ดีมาก จึงไม่เกิดปัญหาแม้ใช้งานสภาพแวดล้อมที่มลภาวะสูง
  • มีปริมาณสารระเหยต่ำ ลดปริมาณสารระเหยที่จะทำลายสภาพแวดล้อมของโลก

บทความจาก www.kinggloss.com